วันนี้ #AboveProperty จะพาเพื่อนๆไปรู้จักกับขั้นตอนการซื้อบ้านมืองสองตั้งแต่ต้นจนจบ!! ต้องทำอย่างไรบ้าง ? หาบ้านมือสองดีๆได้ที่ไหน? เจอบ้านที่ถูกใจแล้วทำอย่างไรต่อ? เราจะมาสรุปแบบฉบับเข้าใจง่ายให้ผู้อ่านกันค่ะ
1.ค้นหาบ้านมือสองที่ต้องการ จากเว็บไซต์ประกาศขายบ้านผ่าน Google หรือ ตระเวนขับรถดูบ้านติดประกาศขาย ข้อดีคือการเห็นสภาพแวดล้อม และเห็นสภาพบ้านจริง แต่อย่างไรก็ตาม บางโครงการที่มีระบบรักษาความปลอดภัย เราก็ไม่สามารถเข้าไปดูเองได้ แถมยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่าทางด่วน ค่าเสียเวลาอื่นๆอีกด้วย ดังนั้น การหาซื้อบ้านมือสองทางเว็บไซต์จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งยังเลือกดูทำเลได้อย่างรวดเร็วตามที่ต้องการ แต่ทั้งนี้เรา ต้องเลือกเว็บไซต์หรือบริษัทที่น่าเชื่อถือมีการตรวจสอบได้ แนะนำเว็บไซต์ https://abovepropertyth.com/
2.เลือกบ้านที่ชอบ หรือโครงการที่ต้องการ เมื่อเจอบ้านหลังที่ถูกใจแล้ว โดยเลือกผ่านทางเว็บไซต์ ขั้นตอนต่อไปเราก็ติดต่อหาเจ้าของบ้าน เพื่อขอเข้าดูบ้านจริง ดูสภาพแวดล้อม ความปลอดภัย
3.ตรวจสอบเอกสาร โฉนด ปลอดภาระหรือติดจำนองอยู่หรือไม่ และควรเช็คอย่างรอบคอบว่าผู้ขายเป็นเจ้าของจริงๆ เมื่อตรวจเช็คเรียบร้อย จะมีการทำสัญญาจะซื้อจะขายกันโดยระบุราคาที่ได้ตกลงซื้อขายกัน การจ่ายเงินมัดจำ การจ่ายเงินส่วนที่เหลือว่าจะชำระเมื่อไหร่ ซึ่งผู้ขายอาจกำหนดเงื่อนไขการยึดเงินมัดจำ ในกรณีที่ผู้ซื้อไม่สามารถชำระเงินส่วนที่เหลือได้ตามระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้ควรมีการตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่เกิดขึ้น และระบุไว้ในสัญญาจะซื้อจะขายด้วย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาระหว่างผู้ซื้อผู้ขายในภายหลัง เมื่อตกลงและทำสัญญาจะซื้อจะขายกันเรียบร้อยแล้ว ผู้ซื้อจะต้องนำสัญญาจะซื้อจะขาย พร้อมสำเนาโฉนดที่ดินที่ได้จากผู้ขายไปใช้เป็นเอกสารในการยื่นกู้
4.ยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร ควรเตรียมเงินส่วนต่างให้พร้อม เพราะราคาบ้านมือสองอาจมีราคาสูงจากการตกแต่งบ้านให้พร้อมเข้าอยู่ หรือทำเลดี และเนื่องจากการกู้ซื้อบ้านมือสองโดยทั่วไปธนาคารจะให้วงเงินกู้ไม่เกิน 80% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย(เลือกที่ต่ำกว่า) เท่ากับว่าผู้ซื้อจะต้องเตรียมเงินก้อนไปจ่ายให้กับผู้ขายในวันโอนบ้านอยู่ที่ประมาณ 20% ของราคาซื้อขาย
5.นัดหมายโอนบ้าน ณ กรมที่ดิน
ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นที่สำนักงานที่ดิน ซึ่งประกอบไปด้วยค่าใช้จ่ายทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย ดังนี้
o ค่าใช้จ่ายการซื้อ ได้แก่
- ค่าจำนอง 1% ของวงเงินกู้ (ในกรณีที่กู้เงิน)
o ค่าใช้จ่ายการขาย ได้แก่
- ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย โดยใช้ราคาบ้านจากราคาประเมินของสำนักงานที่ดิน หักด้วยค่าใช้จ่ายตามที่กรมสรรพากรกำหนด แล้วนำมาคำนวณด้วยอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยไม่ยกเว้นเงินได้ 150,000 บาทแรก
- ภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของราคาขายหรือราคาประเมินสำนักงานที่ดิน (เลือกราคาที่สูงกว่า) แต่ทั้งนี้หากถือครองบ้านเกิน 5 ปี(ดูวันที่หลังโฉนด) หรือมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านเกิน 1 ปี หรือบ้านที่ขายได้รับมรดกมา ก็จะไม่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
- ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาขายหรือราคาประเมินสำนักงานที่ดิน (เลือกราคาที่สูงกว่า) โดยจะเสียค่าอากรแสตมป์ในกรณีที่ไม่ได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะ
นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมโอน 2% ของราคาประเมินสำนักงานที่ดิน ซึ่งเกิดขึ้นจากการซื้อขาย โดยค่าใช้จ่ายส่วนนี้อยู่ที่ตกลงกันว่าจะจ่ายกันอย่างไร เช่น ผู้ซื้อผู้ขายแบ่งจ่ายคนละครึ่ง เป็นต้น แต่ปัจจุบันเนื่องจากมีสถานการณ์โควิด จึงมีการลดค่าธรรมเนียมโอนลง กรณีการจดทะเบียนโอนและจดทะเบียนจำนองอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นที่ดินพร้อมอาคารที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด บ้านแถว ห้องชุด หรืออาคารพาณิชย์ โดยราคาซื้อขายไม่เกิน 3 ล้านบาท และวงเงินจำนองไม่เกิน 3 ล้านบาท เหลือ 0.01% มีผลใช้บังคับถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2565
เพื่อนๆจะเห็นว่า ขั้นตอนตั้งแต่เริ่มซื้อบ้านไปจนถึงการโอนบ้านนั้น มีขั้นตอนการดำเนินงาน และมีค่าใช้จ่ายต่างๆค่อนข้างมาก ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานั้น AboveProperty มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาและช่วยอำนวยความสะดวกให้ทุกขั้นตอนตั้งแต่แรกจนถึงวันโอนฯเลย